Love Renal - รู้หรือไม่ เรื่องการเปลี่ยนไต ไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายรักษาอย่างไร? ผู้ที่ไม่ได้รับการรักษาไต ไตจะเสื่อมลงจนเข้าสู่ไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย มีของเสียคั่งในกระแสเลือด ต้องรักษาด้วยการบำบัดทดแทนไต เช่น 1.การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เป็นการนำเลือดออกมาฟอกผ่านเครื่องไตเทียม เพื่อนำของเสียและน้ำส่วนเกินออกจากร่างกาย 2.การล้างไตทางช่องท้อง โดยการใส่น้ำยาล้างไตเข้าไปทางช่องท้อง เพื่อนำของเสียหรือน้ำส่วนเกินที่ค้างในร่างกายออกมาทางสายที่ผ่านทางช่องท้อง 3.การปลูกถ่ายไต การนำไตใหม่เข้าไปเพื่อทดแทนการทำงานของไตเดิมที่สูญเสีย ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติ --------
รอฟังเคล็ดลับสุขภาพดีๆเพิ่มเติมจากเราได้ที่นี่นะจ๊ะ LINE ID : @LoveRenal (มี @ ด้วยนะคะ) หรือ Click : https://goo.gl/whQ3g6 “สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการเลือกรับประทาน” “Love Renal” - รักไต
0 Comments
Love Renal - คนไทยบริโภคโซเดียมมากเกินไป EP2. คนไทยบริโภคโซเดียมมากเกินไป ทำให้เสี่ยงต่อโรคร้าย และเสียชีวิตก่อนวัยอันอันควร ปัจจุบันมีคนไทย 22.05 ล้านคน ป่วยเป็นโรคที่สัมพันธ์กับพฤติกรรม “ติดเค็ม” เช่น โรคไตมีจำนวน 7.5 ล้านคน โรคหลอดเลือดสมองมีจำนวน 0.5 ล้านคน โรคความดันโลหิตสูงมีจำนวน 13.2 ล้านคน โรคหัวใจขาดเลือด 0.75 ล้านคน และ 75% ของการเสียชีวิตของคนไทยมาจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากพฤติกรรมติดเค็ม สูงถึง 98,976 ล้านบาท/ปี โซเดียมที่คนไทยได้รับมากที่สุดมาจากเครื่องปรุงรสต่างๆ ประมาณ 3,600 มิลลิกรัม แต่ในหนึ่งวันร่างกายของเราไม่ควรรับโซเดียมเกิน 2,000 มิลลิกรัม หรือเปรียบเทียบเป็นเกลือ 1 ช้อนชา เท่านั้น --------
รอฟังเคล็ดลับสุขภาพดีๆเพิ่มเติมจากเราได้ที่นี่นะจ๊ะ LINE ID : @LoveRenal (มี @ ด้วยนะคะ) หรือ Click : https://goo.gl/whQ3g6 “สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการเลือกรับประทาน” “Love Renal” - รักไต Love Renal - แกงส้มชะอมปลานิลกรอบ Sour Curry with Climbing Wattle Omelet and Crispy Tilapia แกงส้ม เมนูลดน้ำหนักที่อาจมีโซเดียมสูง แต่สูตรนี้เราเตรียมพริกแกงเอง โดยลดปริมาณกะปิและเกลือลงจากสูตรปกติ ถึง 30% ทานคู่ข้าวหอมมะลิร้อนๆ ได้สุขภาพที่ดีและไม่เสียรสชาติอีกด้วย สิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับ (น้ำพริกแกงส้ม) 1.พริกแห้งเม็ดใหญ่แกะเมล็ดออกแช่น้ำจนนุ่ม 8 เม็ด 2.เกลือไทยเสริมไอโอดีน 1 ช้อนลดเค็ม (เกลือไทยเสริมไอโอดีน 1ช้อนลดเค็ม เท่ากับ 1/3 ช้อนชา หรือ 2 กรัม) 3.หอมแดงซอย 20 กรัม 4.พริกขี้หนู 10 เม็ด 5.กะปิ 1 ช้อนลดเค็ม (กะปิ 1 ช้อนลดเค็ม เท่ากับ 1/3 ช้อนชา หรือ 2 กรัม) 6.เนื้อปลานิลต้มสุก 30 กรัม สิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับ (แกงส้มชะอมปลานิลกรอบ) 1.น้ำ 800 มิลลิลิตร 2.น้ำพริกแกงส้มที่โขลกไว้ 80 กรัม 3.น้ำปลา 5 ช้อนลดเค็ม 4.เกลือไทยเสริมไอโอดีน 1 ช้อนลดเค็ม 5.น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ 6.น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ 7.ถั่วฝักยาวหั่นท่อน 60 กรัม 8.แคร์รอตกดรูปดอกไม้ 50 กรัม 9.ไข่ชะอมทอดหั่นเต๋า 100 กรัม 10.ปลานิลที่ทอดเตรียมไว้ 11.ข้าวหอมมะลิหงสุก สำหรับรับประทานคู่ วิธีทำ(น้ำพริกแกงส้ม) โขลกพริกแห้งเม็ดใหญ่และเกลือไทยเสริมไอโอดีนให้ละเอียด เติมหอมแดงซอย พริกขี้หนูและกะปิโขลกให้เข้ากัน ใส่เนื้อปลานิลต้มสุก โขลกจนเป็นเนื้อเดียวกัน เตรียมไว้ วิธีทำ(ปลานิลกรอบ) คลุกเนื้อปลานิลกับแป้งทอดกรอบให้ทั่ว จากนั้นนำลงทอดใน น้ำมันพืชที่อุ่นไว้ ทอดจนสุก ตักขึ้น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน วิธีทำ(แกงส้มชะอมปลานิลกรอบ) 1. ใส่น้ำลงในภาชนะ นำขึ้นตั้งไฟพอน้ำเดือดใส่น้ำพริกแกงส้มที่โขลกไว้คนให้เข้ากัน 2. ปรุงรสด้วยน้ำปลา เกลือไทยเสริมไอโอดีน น้ำตาลปี๊บและน้ำมะขามเปียก คนให้เข้ากัน 3. ใส่ถั่วฝักยาวและแคร์รอต ต้มจนผักสุก ใส่ไข่ชะอมทอด คนให้เข้ากัน ปิดไฟ 4. ตักแกงส้มใส่ในภาชนะเสิร์ฟ วางปลานิลกรอบด้านบน รับประทานคู่กับข้าวหอมมะลิหงสุก พร้อมเสิร์ฟ รู้หรือไม่ แกงส้ม เมนูลดน้ำหนักของใครหลายๆคน แต่เป็นอีกหนึ่งเมนู ที่อาจเป็นเมนูที่มีโซเดียมสูงได้ ในสูตรนี้เราเตรียมพริกแกงเอง โดยลดปริมาณกะปิและเกลือลงจากสูตรปกติ ประมาณ 30% โดยปกติน้ำพริกแกงส้ม จะมีโซเดียมอยู่ที่ 780 มิลลิกรัมต่อน้ำพริกแกงส้ม 1 ช้อนโต๊ะ แต่ในสูตรนี้ น้ำพริกแกงส้ม 1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดียมอยู่ที่ประมาณ 395 มิลลิกรัม โซเดียมลดไปประมาณ 50% เมื่อนำไปปรุงเป็นแกงส้ม เติมน้ำปลาและเกลือเพียงเล็กน้อย โดยการตักน้ำปลาและเกลือแบบไม่เต็มช้อน เพียงเท่านี้เราก็จะได้แกงส้มที่ดีต่อสุขภาพแล้ว --------
รอฟังเคล็ดลับสุขภาพดีๆเพิ่มเติมจากเราได้ที่นี่นะจ๊ะ LINE ID : @LoveRenal (มี @ ด้วยนะคะ) หรือ Click : https://goo.gl/whQ3g6 “สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการเลือกรับประทาน” “Love Renal” - รักไต Love Renal - คนไทยบริโภคโซเดียมมากเกินไป EP.1 คนไทยบริโภคโซเดียมมากเกินไป ทำให้เสี่ยงต่อโรคร้ายและเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และพฤติกรรมการบริโภคโซเดียมที่มากเกินไปของคนไทย ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด โรคไตวาย ฯลฯ เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ในปัจจุบันประชากรไทยได้รับโซเดียมสูงถึง 4,350 มิลลิกรัมต่อวัน แหล่งของโซเดียมที่คนไทยได้รับนั้นส่วนมาก มาจากเครื่องปรุงรสและเมนูอาหารที่มีโซเดียมคลอไรด์หรือเกลือเป็นส่วนประกอบหลักและนอกจากเครื่องปรุงรสและเกลือแล้ว โซเดียมยังมาจากอาหารแปรรูป เช่น บะหมี่สำเร็จรูปพร้อมเครื่องปรุง ปลากระป๋อง ปลาทูนึ่ง น้ำพริกต่างๆ เป็นต้น --------
รอฟังเคล็ดลับสุขภาพดีๆเพิ่มเติมจากเราได้ที่นี่นะจ๊ะ LINE ID : @LoveRenal (มี @ ด้วยนะคะ) หรือ Click : https://goo.gl/whQ3g6 “สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการเลือกรับประทาน” “Love Renal” - รักไต Love Renal - รู้หรือไม่ การเปลี่ยนไตหลังผ่าตัดมีระยะเวลาพักฟื้นนานเท่าไหร่? รู้หรือไม่ การเปลี่ยนไตหลังผ่าตัดมีระยะเวลาพักฟื้นนานเท่าไหร่? A: -ได้รับจากผู้บริจาคไตที่สุขภาพแข็งแรงดี ประมาณ 1 อาทิตย์ สามารถกลับบ้านได้และพักผ่อนประมาณ 1 เดือนสามารถกลับไปทำงานเบาๆได้ตามปกติ -ได้รับบริจาคไตจากผู้ป่วยที่สมองตาย ต้องรอให้การทำงานของไตฟื้นกลับขึ้นมา อาจจะต้องอยู่โรงพยาบาลนานกว่าผู้ป่วยที่ได้รับไตจากผู้ที่แข็งแรงดีประมาณ 2-3 อาทิตย์ **ขอขอบคุณข้อมูลจากโรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ --------
รอฟังเคล็ดลับสุขภาพดีๆเพิ่มเติมจากเราได้ที่นี่นะจ๊ะ LINE ID : @LoveRenal (มี @ ด้วยนะคะ) หรือ Click : https://goo.gl/whQ3g6 “สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการเลือกรับประทาน” “Love Renal” - รักไต Love Renal - รู้หรือไม่? Q: การเปลี่ยนไต “ไต”รับบริจาคจากใครได้บ้าง? A: -ญาติ หรือสามี/ภรรยาที่มีสุขภาพแข็งแรง โดยมีการเช็คอย่างละเอียด ว่าผู้บริจาคไตมีความแข็งแรงดี -คนไข้ที่ประสบอุบัติเหตุ คนไข้ที่มีอาการทางสมอง และมีภาวะของสมองตาย ที่มีความประสงค์บริจาคอวัยวะ โดยมีการประสานงานไปยังสภากาชาดไทย ซึ่งจะมีการนำอวัยวะมาจัดสรรให้กับผู้ป่วยที่รอไตอยู่ --------
รอฟังเคล็ดลับสุขภาพดีๆเพิ่มเติมจากเราได้ที่นี่นะจ๊ะ LINE ID : @LoveRenal (มี @ ด้วยนะคะ) หรือ Click : https://goo.gl/whQ3g6 “สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการเลือกรับประทาน” “Love Renal” - รักไต Love Renal - ความดันโลหิตสูง ภัยเงียบที่เสี่ยงเกิด โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ ค่าความดันโลหิตปกติ จะอยู่ที่ 120/80 หากมีความดันโลหิต 140/90 ถือว่ามีภาวะความดันโลหิตสูง ส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง และหลอดเลือดหัวใจ หากคุณตรวจวัดระดับความดันโลหิตเป็นประจำ สามารถลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดสมองและโรคหลอดเลือดหัวใจ การป้องกันที่สำคัญคือ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิต เช่น 1.ลดคาเฟอีน 2.ลดความเครียด 3.ลดอาหารเค็ม 4.งดดื่มแอลกอฮอล์ 5.งดสูบบุหรี่ 6.ออกกำลังกาย 7.พักผ่อนให้เพียงพอ **ขอขอบคุณข้อมูลจากโรงพยาบาลสุขุมวิท ---------
รอฟังเคล็ดลับสุขภาพดีๆเพิ่มเติมจากเราได้ที่นี่นะจ๊ะ LINE ID : @LoveRenal (มี @ ด้วยนะคะ) หรือ Click : https://goo.gl/whQ3g6 “สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการเลือกรับประทาน” “Love Renal” - รักไต Love Renal - "กาแฟถั่งเช่า" ลดอาการปวดข้อ ปวดหลังได้จริงหรือ? กาแฟถั่งเช่า มีการโฆษณาตามสื่อต่างๆ มากมาย ว่ามีสรรพคุณช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยทางร่างกายต่างๆ เช่น ปวดข้อ และปวดหลัง แต่ในความเป็นจริงนั้นกาแฟถั่งเช่าจะสามารถรักษา หรือบรรเทาอาการเหล่านี้ได้จริงหรือไม่ มาดูส่วนประกอบกันค่ะ ส่วนประกอบของกาแฟถั่งเช่า หลักๆ ก็คือกาแฟ และ ถั่งเช่า สำหรับกาแฟมีสารที่ชื่อว่า คาเฟอีน (Caffeine) มีฤทธิ์ในการกระตุ้นประสาท ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น และมีสมาธิ ไม่สามารถแก้ปวดข้อ และหลังได้ ส่วนถั่งเช่า เป็นสมุนไพรที่พบได้บริเวณแถบทุ่งหญ้าบนภูเขาของประเทศจีน นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากหลายคนเชื่อว่าสามารถบรรเทาอาการปวดข้อ และปวดหลังได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง ยังไม่มีงานวิจัยใดสรุปได้ว่า สมุนไพรถั่งเช่านั้นสามารถบรรเทาอาการดังกล่าวได้ ดังนั้นจากที่มีการอ้างว่า กาแฟถั่งเช่า บรรเทาอาการปวดข้อ ปวดหลัง นั้นไม่เป็นความจริง ความจริงแล้วอาการปวดข้อ และหลังเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุหลักๆ นั้นมาจากการใช้งานที่มากเกินไป และด้วยอายุที่มากขึ้น จึงทำให้อาการปวดรุนแรงมากขึ้น โดยมากแล้ว การรักษาอาการปวดข้อ และปวดหลังนั้นสามารถทำได้หลายอย่าง เช่น กินยา การทำกายภาพบำบัด เป็นต้น ยาบรรเทาอาการปวดข้อ ปวดหลัง มีหลายชนิด เช่น ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) แนะนำให้กินห่างกันอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง และใน 1 วัน ไม่ควรกินยาเกิน 8 เม็ด หรือ 4,000 มิลลิกรัม ยาบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) นาโปรเซน (Naproxen) เป็นต้น โดยตัวยาในกลุ่มนี้มีผลข้างเคียง คือ อาจทำให้ ระคายเคืองกระเพาะอาหารได้ จึงแนะนำให้กินหลังอาหารทันที และดื่มน้ำตามมาก ๆ และไม่ควรซื้อยามาใช้เอง เพราะอาจทำให้เกิดอันตราย หรือแพ้ยาได้ ยากลุ่มโอปิออยด์ (Opioid) เช่น มอร์ฟีน (Morphine) มีฤทธิ์ระงับปวดรุนแรง ซึ่งยาในกลุ่มนี้ต้องใช้โดยบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น ห้ามหาซื้อยาจากร้านที่มีการลักลอบขายโดยเด็ดขาด เพราะยาในกลุ่มนี้มีผลข้างเคียงที่อันตราย หากใช้ไม่ถูกต้องอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ วิธีที่ดีที่สุด คือไม่ควรหลงเชื่อคำกล่าวอ้างของผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพราะอาจทำให้เราตกเป็นเหยื่อทางการตลาดได้ นอกจากนี้หากอาการไม่ดีขึ้นควรรีบไปพบแพทย์ **ขอขอบคุณข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ---------
รอฟังเคล็ดลับสุขภาพดีๆเพิ่มเติมจากเราได้ที่นี่นะจ๊ะ LINE ID : @LoveRenal (มี @ ด้วยนะคะ) หรือ Click : https://goo.gl/whQ3g6 “สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการเลือกรับประทาน” “Love Renal” - รักไต Love Renal - เติมน้อยก็อร่อยได้ ปริมาณโซเดียมในเครื่องปรุงรส 1. เกลือป่น 1 ช้อนชา มีโซเดียมเฉลี่ย 2,000 มิลลิกรัม 2. ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดียมเฉลี่ย 1,187 มิลลิกรัม 3. ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดียมเฉลี่ย 518 มิลลิกรัม 4. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดียมเฉลี่ย 1,350 มิลลิกรัม 5. น้ำจิ้มไก่ 1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดียมเฉลี่ย 385 มิลลิกรัม 6. ซอสพริก 1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดียมเฉลี่ย 231 มิลลิกรัม 7. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดียมเฉลี่ย 1,190 มิลลิกรัม 8. ซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดียมเฉลี่ย 149 มิลลิกรัม ใน 1 วัน ร่างกายไม่ควรรับโซเดียมเกิน 2,000 มิลลิกรัม หรือเปรียบเทียบเป็นเกลือ 1 ช้อนชา เนื่องจากไตของเราสามารถขับโซเดียมได้วันละ 2,000 – 3,000 มิลลิกรัมเท่านั้น หากไตขับออกไม่หมด ร่างกายจะมีโซเดียมตกค้างคอยดูดน้ำเก็บไว้ทำให้ตัวบวมขึ้น ยิ่งทานเค็มเป็นประจำก็จะยิ่งอ้วนขึ้น บวมขึ้น ดังนั้นการเติมเครื่องปรุงต่างๆต้องระวังให้ดี ก่อนที่จะเสี่ยงเกิดโรคต่างๆตามมา ---------
รอฟังเคล็ดลับสุขภาพดีๆเพิ่มเติมจากเราได้ที่นี่นะจ๊ะ LINE ID : @LoveRenal (มี @ ด้วยนะคะ) หรือ Click : https://goo.gl/whQ3g6 “สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการเลือกรับประทาน” “Love Renal” - รักไต Love RenaL - "อาการแพ้ยา" ควรสังเกตอย่างไร วิธีสังเกตอาการแพ้ยา อาการแพ้ยา มี 2 ประเภท 1.การแพ้ยาชนิดเฉียบพลัน มักเกิดอาการภายใน 1 ชม.(อาจเกิดทันทีไปจนถึงไม่เกิน 6 ชม.) จะมีผื่นลมพิษ หายใจลำบาก หน้ามืด หายใจมีเสียงหวีด ปวดท้อง อาจมีภาวะช็อก 2.การแพ้ยาชนิดไม่เฉียบพลัน อาจเกิดอาการได้หลายอย่าง ได้แก่ 1)แบบไม่รุนแรง จะมีผื่นแดง คันตามตัว มักเกิดหลังได้รับยา 5-7 วัน 2)แบบรุนแรง จะมีผื่นแดง ดันบริเวณ ลำตัว และใบหน้า มีไข้ ผิวลอก อาจมีตุ่มน้ำตามตัว และที่เยื่อบุ เช่น เยื่อบุตา ปากอวัยวะเพศ มักเกิดหลังได้รับยา 1 สัปดาห์เป็นต้นไป หากมีอาการแพ้ยา ควรทำอย่างไร 1.หยุดยาที่สงสัยทันที 2.ถ่ายภาพอาการแพ้ยาของตัวเอง 3.รีบพบแพทย์โดยนำยาที่สงสัยว่าแพ้พร้อมนำฉลากยาไปด้วย คำแนะนำ "หลีกเลี่ยงการซื้อยากินเอง" **ขอขอบคุณข้อมูลจาก RAMA CHANNAL ---------
รอฟังเคล็ดลับสุขภาพดีๆเพิ่มเติมจากเราได้ที่นี่นะจ๊ะ LINE ID : @LoveRenal (มี @ ด้วยนะคะ) หรือ Click : https://goo.gl/whQ3g6 “สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการเลือกรับประทาน” “Love Renal” - รักไต |